วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555



ประวัติ มินิ คูเปอร์ Mini Cooper


                        1956 อียิปต์เข้ายึดคลองสุเอซส่งผลให้เกิดวิกฤติการน้ำมัน ในอังกฤษยอดขายรถตกและมีการแบ่งปันน้ำมัน BMC หรือBritish Motor Corporation ว่าจ้าง เซอร์อเล็ก อิสซิโกนิสผู้เคยออกแบบมินิไมเนอร์ กลับเข้าทำงานอีกครั้ง1957 อิสซิโกนิสวิศวกรวัย 51 ปีแสดงให้เซอร์เลียวนาร์ดลอร์ดเห็นว่าเขารู้จักวิธีที่จะออกแบบรถอย่างที่โลกต้องการแต่จะทำ ก็ต่อเมื่อให้อิสระแก่เขาอย่างเต็มที่ลอร์ดตกลงอิสซิโกนิสจึงเริ่มพัฒนาต้นแบบ ADO 15
                          1958 มินิเริ่มเป็นรูปเป็นร่างตามความคิดของอิสซิโกนิสซึ่งเป็นการกระโดดก้าวผ่านจินตนาการทางด้านวิศวกรรมรถยนต์ในยุคนั้น เช่น การวางชุดเกียร์ไว้ใต้เครื่องยนต์เครื่องยนต์วางขวางขับเคลื่อนล้อหน้า กระทะล้อขอบ 10 นิ้วและระบบกันสะเทือน แบบเต้ายางเป็นต้น
                         1959 มินิเปิดตัวในเดือนสิงหาคม โดยติดตราทั้ง ออสตินมินิและ มอริสมินิ ไมเนอร์ เซเว่น
ปฏิกิริยาจากสาธารณชนค่อนข้างหลากหลายเพราะเมื่อเทียบกับรถที่ออกตัวไล่ๆกันอย่างไทรอัมพ์ เฮรัลด์ และฟอร์ด แองเกลีย 105E แล้วมินิค่อนข้าง จะเสียเปรียบ ในด้านการตกแต่ง อย่างไรก็ตามขนาดความ ยาว แค่ 10 ฟุต และที่นั่ง 4 ที่โดยเฉพาะราคาเพียง 496 ปอนด์ ซึ่งนับว่าถูกมากเมื่อเทียบกับ 2คัน ดังกล่าวข้างต้นก็ทำให้
เกิดข้อเปรียบเทียบอย่างมากอิสซิโกนิสสูบบุหรี่จัดและชอบขับรถแบบเงียบๆ รถมินิจึงติดตั้งที่เขี่ยบุหรี่แต่ไม่มีวิทยุประเด็นนี้น่าสงสัยว่าเป็นเพราะอิสซิโก นิสไม่ชอบฟังวิทยุหรือเสียง เครื่องยนต์ดัง เสียจนไม่สามารถฟังเสียงวิทยุได้
                       1960 มินิขายได้มากกว่า 116,000 คันรถรุ่นใหม่ๆยังถูกจับตามองโดยสาธารณชนที่มีความอยากรู้ว่าจะออกมาในรูปแบบใดบริษัทฟอร์ด ซื้อรถมินิและรื้อออกเป็นชิ้นๆคำนวณต้นทุนการผลิตและได้ข้อสรุปซึ่งใกล้เคียงความจริงว่าBMC ขาดทุนในการผลิตมินิ



                       1961 ไรเลย์ เอลฟ์ และ โวลส์เลย์ ฮอร์เนท ทำสิ่งที่เหมือนกันคือทำมินิให้กลายเป็นรถหรูขนาดเล็ก ขยายที่เก็บของตกแต่งอย่างหรูหรา ในขณะที่นักสร้างรถสูตรหนึ่งอย่างจอห์น คูเปอร์พบว่ามินิเป็นรถที่มีการขับขี่และยึดเกาะถนนที่ดีมาก คูเปอร์เสนอข้อตกลงกับ BMCเพื่อผลิต มินิคูเปอร์จำนวน1,000 คันเพื่อให้สามารถ ผ่านการคัดเลือกและเข้าแข่งขันในรุ่นโปรดักชั่นได้รถรุ่นนั้นออกขายด้วยขนาดเครื่องยนต์ 997cc. 55แรงม้าพร้อมดิสก์เบรค
                      1962 รถมินิคูเปอร์ ซึ่งขับโดย แพ๊ต น้องสาว สเตอลิงค์ มอสส์ชนะการแข่งขัน ฮอลแลนด์ ทิวลิป แรลลี่ และในการแข่งขันมอนติคาร์โล แรลลี่ ราโน อัลโตเนน์ ขับรถมินิคูเปอร์อยู่ในตำแหน่งที่สองก่อนที่จะพลิกคว่ำ และต้องออกจากการแข่งขันก่อนจบรายการ
                      1963 แพดดี้ ฮอพเคิร์ค พารถมินิคูเปอร์ เอส 1071 cc. 70 แรงม้าเข้าเส้นชัยในการแข่งขัน ตูร์ เดอ ฟรองซ์ปีเตอร์ เซลเลอร์ สารวัตร พิงค์แพนเทอร์ตกแต่งมินิของเขาด้วยเครื่องหวาย มินิกลาย เป็นแฟชั่นสำหรับดารา หรือแม้แต่นักร้องอย่างริงโก สตาร์

                      1964 มินิมอคออกสู่ท้องถนนมันถูกสร้างเพื่อใช้งานสนามในสงครามซึ่งสามารถ ทิ้งลงจากเครื่องบินพร้อมร่มชูชีพได้อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีราคาถูกเปิดโล่ง และนั่งได้ถึง 4 คน แต่กองทัพบกอังกฤษก็ปฏิเสธที่จะใช้มันในสนามรบเนื่องจากระยะจากพื้น ถึงใต้ท้องรถสูงเพียง 6 นิ้วและขับเคลื่อนแค่ 2 ล้อ ขณะเดียวกันมินิคูเปอร์เอส ก็ประสบชัยชนะในการแข่งขัน มอนติ คาร์โล แรลลี่มินิที่วาง ตลาดมีระบบ กันสะเทือนแบบ ไฮโดรลาสติคซึ่งออกแบบโดยผู้ออกแบบเต้ายาง อเล็กซ์ โมลตัน
                  1965 มินิคันที่ 1,000,000         1966 ที่โมมาคินเอนและพอลอีสเตอร์ถูกปรับแพ้ในการแข่งขันมอนติคาร์โลแรลลี่ชัยชนะซึ่งควรจะเป็นชัยชนะครั้งที่สามติดต่อกันในการแข่งขันมอนติคาร์โลแรลลี่หมดไปเนื่องข้อกล่าวหา ว่าติดตั้งไฟหน้าผิดระเบียบ การแข่งถึงแม้ว่ามันจะถูกพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหาไม่เป็นความจริงแต่คำตัดสินของกรรมการไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
                        1967 วงเลี้ยวของมินิถูกลดลงจาก 32 ฟุต เหลือเพียง 28 ฟุต ในรุ่น Mk II  1968 9X รถซูเปอร์มินิหลังคาแฮทช์แบค ซึ่งอิสซิโกนิสใช้เวลาหลายปีออกแบบถูกสั่งระงับ จอห์น โรดส์ขับคูเปอร์เอสเข้าสู่เส้นชัยในการแข่งขันบริติชทัวริ่งค าร์แชมเปี้ยนชิพระบบกันสะเทือนแบบไฮโดรลาสติคถูกเปลี่ยนกลับเป็นเต้า ยางเหมือนเดิมเนื่องจากราคาถูกกว่า และไฮโดรลาสติค ถูกสั่งระงับการใช้ในเยอรมันนี
                       1971 บริติช เลย์แลนด์ ตัดสินใจที่จะไม่จ่ายค่ารอแยลตี้ ให้กับจอห์น คูเปอร์ สำหรับรถมินิคูเปอร์ และยกเลิกการผลิตมินิคูเปอร์ถึงตอนนี้รถมินิถูกผลิตออกมาปีละ 318,475 คัน
                      1976 ในอิตาลี อินโนเซนติ ผลิตรถแฮทช์แบคโดยใช้ฟลอแพลนของมินิรถมินิ 1000 ลิมิต เอดิชั่น ถูกวางโชว์ในโชว์รูม
                      1979 ไม่เชื่ออย่าลบหลู่รถมินิชนะการแข่งขัน บริติช ซาลูน คาร์ แชมเปี้ยนชิพ
                      1980 ออสตินมินิ เมโทร วางตลาด โดยใช้มินิซับเฟรมภายใต้รูปลักษณ์ของตัวถังแฮทช์แบค
หรืออีก 18 ปี ถัดมาในชื่อ โรเวอร์ 100 ไม่มีอะไรเหมือนมินิและถ้ายังนึกภาพไม่ออก ลองนึกถึงโฟล์คกอล์ฟรุ่นแรกๆหรือ เปอร์โยซีรี่ 2
                     1984 รถมินิทุกคันที่ออกวางจำหน่ายมีกะทะล้อขนาด 12 นิ้วและดิสก์เบรคเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
                     1985 โรเวอร์ เข้าควบคุมการจำหน่าย รถมินิในญี่ปุ่นซึ่งมียอดขายที่น่าอัศจรรย์
                     1986 โนเอล เอ็ดมันส์ ขับรถมินิคันที่ 5,000,000  ออกจากสายการผลิตที่โรงงานลองบริดจ์
                     1988 เซอร์อเล็กซ์ อิสซิโกนิส เสียชีวิตเมื่ออายุ 81 ปี
                     1990 โรเวอร์ เปิดผ้าคลุมมินิคูเปอร์รุ่นใหม่ จำนวนจำกัดพร้อมทั้งลายเซ็น จอห์น คูเปอร์ และฝากระโปรงคาดขาวซึ่งกลายเป็นรถขายดีในเวลาต่อมาอู่คูเปอร์ผลิตมินิสเปเชียลออกขายเองด้วยเช่นกัน
                     1992 มีการติดตั้งเครื่องกรองมลภาวะท่อไอเสียหรือแคทตาลิติค คอนเวอร์เตอร์ ในรถมินิ
ซึ่งเหลือเพียงเครื่องยนต์ขนาด 1275 cc ให้เลือกเพียงขนาดเดียว( แล้วจะเลือกอะไร ? )
                      1993 มินิเปิดประทุน (คาบริโอเลท์) ซึ่งพัฒนาโดยสำนักออกแบบคาร์มานน์ในเยอรมันนี วางตลาดในราคา 12,000 ปอนด์
                      1995 มินิได้รับประชามติให้เป็นรถแห่งศตวรรษจากแบบสอบถามเนื่องในวาระครบรอบ 100 ปี ของนิตยสารออโตคาร์
                      1997 การปรับปรุงครั้งสุดท้ายของมินิ เครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร หัวฉีด หรือในแบบของคูเปอร์ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 9,000 ปอนด์ถุงลมนิรภัยเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

                     1999 โรเวอร์แจ้งว่าจะระงับการผลิตมินิประมาณปี 2000แต่ตัวถังจะยังมีการผลิตอยู่ต่อไปเพื่อใช้เป็นอะไหล่ตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมารถมินิถูกผลิตขึ้นประมาณ 5.4 ล้านคันส่งผลให้มันเป็นรถอังกฤษคันเดียวที่เป็นรถขายดีตลอดก าล
                     2000 ทุกอย่างใหม่หมด ยุคของ BMW มินิซึ่งถึงแม้จะถูกออกแบบโดยวิศวกรของโรเวอร์ซึ่งถูกซื้อโดย BMW ภายใต้รูปลักษณ์ใหม่กับเครื่องยนต์ BMWมินิยังคงอยู่
                     2002 เปิดตัวรุ่นพิเศษ มินิ คูเปอร์ เอสมาพร้อมกับขุมพลังในระดับ 163 แรงม้าจากเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร พ่วงซูเปอร์ชาร์จ

Poonsiri   Sangwato.